การสอนคำสอนประจำวัด
การสอนคำสอนประจำวัด
  

การวางแผนพันธกิจของวัดทุกวัด คือ การอภิบาลและการประกาศข่าวดี
    การสอนคำสอนตอบสนองงานอภิบาลในฐานะที่เป็นการหล่อเลี้ยงความเชื่อของสมาชิกที่รับศีลล้างบาปแล้วทุกคนให้เติบโต เข็มแข็ง จนเป็นคริสตชนที่สมบูรณ์ “เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็กถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยตามกระแสคำสั่งสอนทุกอย่าง ที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป” (อฟ. 4:14) ในขณะเดียวกันการสอนคำสอนตอบสนองการประกาศข่าวดีหรือการแพร่ธรรมในฐานะที่นำผู้ที่สนใจในคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าเข้ามาเรียนรู้ และตอบรับเสียงเรียกของพระเจ้าเข้ามารับศีลล้างบาป

    งานคำสอนจึงเป็นงานประจำของวัดทุกวัด “เป็นหน้าที่เฉพาะและสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อภิบาลวิญญาณ ที่จะเอาใจใส่สอนคำสอนให้แก่คริสตชน เพื่อให้ความเชื่อของสัตบุรุษมีชีวิตชีวา ชัดเจน และเกิดผลโดยการอบรมคำสอน และโดยประสบการณ์ของการเจริญชีวิตคริสตชน” (กฎหมายพระศาสนจักร ข้อ 773)

    เพื่อให้งานคำสอนบังเกิด วัดแต่ละวัดจะต้องมีทีมงานหรือผู้ทำงานด้านคำสอนของวัดโดยเฉพาะซึ่งจะทำงานร่วมกับหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ของวัดในการวางแผนงานคำสอนประจำปี แผนการสอนคำสอนของวัดเป็นโอกาสที่จะให้ลูกวัดในทุกช่วงวัยได้รับฟังข่าวดีของพระเจ้า ตอบรับด้วยพระวาจาด้วยการไปร่วมเฉลิมฉลองในพิธีกรรมศีลศักดิ์สิทธิ์ การภาวนา และในการดำเนินชีวิตประจำวัน แผนการสอนคำสอน จะต้องให้ความสำคัญกับการสอนคำสอนผู้ใหญ่เป็นลำดับแรก จากนั้นเป็นคำสอนสำหรับเด็กและเยาวชน โดยคำนึงถึงความต้องการและความสนใจของสมาชิกในวัดเป็นสำคัญ การวางแผนการสอนคำสอนและการจัดปฏิทินการสอนคำสอน ควรจัดให้ตอบสนองกับคนทุกเพศและวัย และคำนึงถึงความสามารถในการจัดการ การฝึกอบรมครูคำสอนและการสนับสนุนงานคำสอนให้เป็นงานที่ยั่งยืนมั่นคงต่อไป

    การวางแผนงานควรจะเริ่มจากการประเมินความต้องการและความสนใจของสมาชิกในเขตวัด ว่ามีความต้องการที่จะเรียนรู้คำสอนในเรื่องอะไร หรือเรื่องอะไรที่ยังเป็นข้อสงสัย เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเรียนรู้ การประเมินอาจจะเกิดขึ้นจากการสังเกต การพูดคุย การสอบถาม หรือทำการสำรวจความคิดเห็นตามหลักวิชาการก็ได้


รูปแบบการสอนคำสอนประจำวัด
    การจัดการสอนคำสอนที่วัดสามารถกระทำได้นั้น จากการสำรวจงานคำสอนของวัดต่าง ๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถสรุปรูปแบบการสอนคำสอนประจำวัด ได้ดังนี้

การสอนคำสอนครอบครัว
    การจัดการสอนคำสอนในรูปแบบนี้คือการสอนคำสอนเป็นครอบครัว โดยให้สมาชิกในครอบครัวพ่อแม่ลูก หรือคละกันทุกวัย มาเรียนรู้คำสอนด้วยกัน ในการเรียนคำสอนแต่ละครั้งนั้น ให้กำหนดหัวข้อที่เป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินชีวิตครอบครัวหัวข้อหนึ่ง แล้วจัดให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การภาวนา การแบ่งปันประสบการณ์ การทานของว่างการแบ่งกลุ่มตามสถานะ(พ่อ-แม่-ลูก) การจัดการเรียนรู้เป็นฐาน ซึ่งอาจจะจัดเดือนละ 1 ครั้ง ๆ ละ 3 ชั่วโมง คุณค่าของรูปแบบนี้คือ การเพาะบ่มคุณลักษณะของการแบ่งปันความเชื่อระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ การเป็นแบบอย่างของการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเสริมสร้างชีวิตหมู่คณะ หรือชุมชนแห่งความเชื่อ

การสอนคำสอนเฉพาะวัย
    การจัดการสอนคำสอนโดยการกำหนดผู้เรียนตามวัย โดยจัดหัวข้อตามที่สังฆมณฑลได้กำหนดในแต่ละปี คุณค่าของการจัดการเรียนคำสอนตามวัย คือการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนในแต่ละวัยได้เรียนรู้ในเรื่องที่พวกเขาต้องการและจำเป็น และเป็นการง่ายในการกำหนดวิธีการสอนคำสอนด้วย วัยที่ควรจัดการสอนคำสอน อาจจะกำหนดตามอายุ การศึกษา อาชีพ ฯลฯ

การสอนคำสอนรวมทั้งวัด
    การสอนคำสอนทั้งวัดเป็นการจัดการสอนคำสอน โดยเน้นเหตุการณ์สำคัญมาเป็นหัวข้อในการเรียนคำสอนร่วมกันทั้งวัด เชิญชวนทุกคนมาเรียนคำสอนร่วมกัน จุดประสงค์เพื่อเป็นการให้ความรู้และการกลับใจอย่างต่อเนื่องของสัตบุรุษนอกเหนือจากการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์

การสอนคำสอนในครอบครัว
    พ่อแม่ คือครูคำสอนคนแรกและสำคัญที่สุดประจำบ้าน วัดจะต้องช่วยพ่อแม่หรือผู้ปกครองให้ทำหน้าที่นี้  โดยการการฝึกอบรมให้ความรู้ เตรียมอุปกรณ์ และอำนวยความสะดวกในรูปแบบต่าง ๆ ครอบครัวที่จะสอนคำสอนให้ลูกของตนเอง ควรปรึกษากับทีมงานคำสอนของวัด ทั้งในเรื่องของหลักสูตร เนื้อหา วิธีการและสื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ

การสอนคำสอนโดยใช้บ้านเป็นฐาน
    บางวัดอาจจะจัดให้มีการรวมกลุ่มเล็ก ๆ ในละแวกบ้านเพื่อการเรียนคำสอน โดยบ้านที่เป็นเจ้าภาพจะต้องให้ความสะดวก ความปลอดภัย และไม่ควรให้เด็ก ๆ เดินทางไปกันเอง ให้ผู้อภิบาลจัดส่งครูคำสอนไปสอนตามบ้าน และควรเยี่ยมเยือนให้กำลังใจ ติดตามผลเป็นระยะ

การจัดค่ายคำสอนวันหยุดหรือในฤดูร้อน
    ในช่วงวันหยุด วัดอาจจะจัดค่ายคำสอนในวัดโดยกำหนดเวลา เนื้อหา และทีมงานให้เหมาะสม การจัดในลักษณะนี้ช่วยทำให้เกิดความใกล้ชิด การเป็นชุมชนแห่งความเชื่อ และยังสามารถจัดค่ายคำสอนในช่วงวันสุดสัปดาห์นอกสถานที่ เพื่อเป็นการผ่อนคลายและเป็นการแสวงบุญนอกสถานที่ด้วย