ต่อมา ค.ศ. 1939 พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 โดยผ่านทางกระทรวงเผยแผ่ศาสนาออกเอกสารชื่อ Plane Compertum ทรงอนุญาตให้คริสตชนชาวจีนมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ในพิธีเคารพวิญญาณบรรพบุรุษ ขอเพียงว่าการทำเช่นนั้น ถือว่าเป็นเพียงธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันในทางสังคมโดยไม่มีความหมายสำคัญอะไรทางการนมัสการในเชิงของนิกายศาสนา


พระสงฆ์คณะเยสุอิตจึงกำหนดแนวทางปฏิบัติบางประการดังนี้
    1. ป้ายชื่อ วิญญาณบรรพบุรุษ สามารถตั้งอยู่ในบ้านได้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญูรู้คุณ  เพียงแต่ห้ามเชื่อว่าวิญญาณเหล่านั้นสถิตอยู่ในป้าย  ร่วมถึงป้ายชื่อขงจื้อ ก็สามารถตั้งในบ้านได้ในฐานะอาจารย์ของชาวจีน
    2. ประเพณีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะขัดกับความเชื่อ (ชาวจีนเชื่อว่าการเผากระดาษคือการส่งสิ่งเหล่านั้นส่งไปถึงผู้ตาย) เพราะคริสตชนอาศัยคำภาวนา   การพลีกรรม พิธีมิสซา และการทำบุญต่าง ๆ ในการแสดงความรัก เพื่อช่วยเหลือวิญญาณผู้ล่วงหลับไม่ใช้การเผากระดาษ   ในกรณีนี้ร่วมถึงพิธีกงเต๊กด้วย  ไม่สามารถทำได้
    3. การนำอาหาร และผลไม้มาไหว้ตามธรรมเนียม สามารถทำได้  แต่ห้ามเชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษมากินอาหารเหล่านั้น เพียงเป็นประเพณีที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของความรัก ความผูกพันธ์ และความเคารพเท่านั้น  (เทียบธรรมเนียมของชาวยุโรป มักนำดอกไม้มามอบให้ผู้ตายที่สุสาน เพื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์ความรัก ความคิดถึง และความผูกพันธ์ ซึ่งความเป็นจริงผู้ตายก็ไม่ได้รับดอกไม้นั้น)  
    ต่อมาหลายประเทศได้นำแนวปฏิบัติของประเทศจีนไปใช้  เช่น คนจีนในไต้หวัน  มาเลเซีย  สิงคโปร์  และเวียดนาม

    ส่วนชาวไทย มีหนังสือของคุณพ่อไพศาล อานามวัฒน์ ชื่อ “แนวทางปฏิบัติตนของคาทอลิกต่อประเพณี–ศาสนพิธีของคนไทยเชื้อสายจีน” ออกในปี พ.ศ2550 ได้พูดเกี่ยวกับวันตรุษจีนไว้ดังนี้
    1. พิธีการที่คริสตชนคาทอลิกสามารถปฏิบัติได้ เช่น การเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาหรือปู่ย่าตายาย การไหว้และขอพรผู้ใหญ่หรือญาติมิตรเป็นสิ่งที่ดีงาม
    2. พิธีการที่คริสตชนคาทอลิกไม่ควรปฏิบัติ เช่น การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภในวันไหว้รับวันตรุษจีน ซึ่งเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภจะเสด็จลงมา เพราะคริสตศาสนาไม่ได้มีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    แต่ผมว่าควรดูเหตุผลแนวปฏิบัติของชาวจีนประกอบด้วยจะมีแนวทางชัดเจนขึ้น ส่วนข้อแนะนำอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในระหว่างไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ สมควรปฏิบัติตามธรรมเนียมของชาวคริสต์ ด้วยการสวดบทภาวนาหรือสายประคำ หรือจากหนังสือผู้ล่วงหลับ จะทำให้การไหว้วิญญาณบรรพบุรุษมีความสมบูรณ์ขึ้น

(จากคอลัมน์ "ศาสนสัมพันธ์" สารสังฆมณฑลราชบุรี ปีที่ 35 ฉบับที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2017)