ข.พระคัมภีร์และคำสอน
       1. บทอ่านที่หนึ่ง (อสย 60:1-6) ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวคำพยากรณ์ว่านานาชาติจะเดินมายังนครศักดิ์สิทธิ์โดยการติดตามดวงดาวที่ฉายแสงสว่างเจิดจ้า ซึ่งเป็นความจริงในพระวรสารที่เราจะได้อ่านในวันนี้
       2. บทสดุดี (สดด 72): เป็นการภาวนาถึงบรรดากษัตริย์ต่างชาตินำของกำนัลมาถวายกษัตริย์แห่งอิสราเอล
       3. บทอ่านที่สอง (อฟ 3:2-3;5-6) น.เปาโลได้อธิบายให้เราได้รู้แผนการแห่งความรักของพระเจ้าว่า “คนต่างชาติเข้ามามีส่วนในกองมรดกเดียวกัน...ร่วมเป็นกายเดียว ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี”
       4. พระวรสาร (มธ 2:1-12) พระวรสารให้เราระลึกถึงบรรดาโหราจารย์ (คนต่างชาติ ต่างศาสนา) ได้มานมัสการพระเยซูในฐานะกษัตริย์ของชาวยิว เราควรรู้ว่าทุกคนแม้ว่าจะมีบาปมากมายแค่ไหนก็สามารถนำพระเยซูเจ้าไปมอบให้คนอื่นได้รู้จักได้ จากพระวรสารตอนนี้มีบุคคลสามจำพวกที่มีปฏิกิริยาต่อการแสดงองค์ของพระเยซูเจ้า กลุ่มแรกนำโดยกษัตริย์เฮโรดที่พยายามกำจัดพระเยซูเจ้า กลุ่มที่สองบรรดาพระสงฆ์และอาจารย์พระคัมภีร์ที่รู้ดีแต่เมินเฉยไม่สนใจใยดี และกลุ่มที่สามได้แก่ชาวชุมพาบาลและโหราจารย์ที่ได้แสวงหาและมานมัสการพระองค์

ค. ปฏิบัติ  “ให้เราสังกัดอยู่ในกลุ่มที่สาม” โดย   
     1. “นมัสการพระเยซูเจ้า” โดยการมาร่วมบูชามิสซาพร้อมกับทองคำแห่งความรัก กำยานแห่งดวงใจที่ถวายเกียรติ และมดยอบแห่งความสุภาพถ่อมตน
     2. “เลือกเส้นทางดำเนินชีวิตใหม่” เหมือนโหราจารย์ ละทิ้งชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยความหยิ่ง ความเมินเฉย ความไม่จริงใจ ไม่ยุติธรรม ความคิดที่ไม่ดี นิสัยที่ไม่ดี ความเห็นแก่ตัว
     3. “เป็นดวงดาวที่นำผู้อื่นมาพบพระเยซูเจ้า” โดยการทำกิจเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น การให้อภัย ความเห็นอกเห็นใจ แนะนำผู้สนใจมาร่วมกิจกรรมและมาเรียนคำสอน
     4. “ส่งเสริมเยาวชนและเด็กๆให้เป็นธรรมทูต” วันนี้ยังเป็นวันยุวธรรมทูต ที่มีคำขวัญว่า “ล้างบาปแล้ว จงออกไปประกาศข่าวดี” ขอให้ทุกวัด สภาภิบาลส่งเสริมกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น เด็กช่วยมิสซา นักขับร้อง การเรียนคำสอนในวันอาทิตย์ การแสวงบุญ การเยี่ยมผู้สูงอายุ การทำกิจเมตตาฯลฯ