ข.พระคัมภีร์และคำสอน
       1. บทอ่านที่หนึ่ง (ยรม 1:4-5,17-19) : บทอ่านแรกบอกเราว่าพระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์ให้มาเป็นประกาศกและให้ออกไปเผชิญหน้ากับการขัดแย้งและการถูกปฏิเสธ  ในการทำหน้าที่เช่นนี้พระเจ้าทรงให้คำมั่นสัญญาว่า “เราอยู่กับท่านเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” เยเรมีย์จึงเป็นรูปแบบล่วงหน้าถึงพระเยซูเจ้าประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ที่เราจะได้รับฟังในพระวรสารในวันนี้
      2. บทสดุดี (สดด 71): นำเสนอบทภาวนาในเวลาที่เราถูกเบียดเบียนข่มเหงและการประกาศความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็นหลักศิลาในชีวิตของเรา
      3. บทอ่านที่สอง (1คร 12:31-13;13) : เราจะได้รับฟัง น.เปาโลพูดให้กำลังใจและให้คำแนะนำชาวโครินธ์เพื่อให้พวกเขาได้มั่นใจในการปฏิบัติตนเป็นคริสตชนที่ดี เอาชนะการแข่งขัน การอิจฉาริษยา และการแตกแยก ท่านได้นำเสนอ “หนทาง” ที่เหนือว่าหนทางทั้งมวลนั้นคือ “หนทางแห่งความรัก” (way of love) และสอนพวกเขาให้นำพระพรที่พระเจ้าประทานให้ไปใช้ด้วยความรัก
     4. พระวรสาร (ลก 4:21-30) : พระวรสารในวันนี้สืบต่อจากวันอาทิตย์ที่แล้ว พระเยซูทรงเทศนาในศาลาธรรม พระองค์ทรงยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงในพระคัมภีร์นั้น เรื่องนี้ทำให้ประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ไม่พอใจ สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์  เมื่อเราพิจารณาบทอ่านทั้งสาม เราจะพบว่า ทั้งเยเรมีย์ น.เปาโล และพระเยซูเจ้าต่างประสบกับการท้าทาย การถูกปฏิเสธ การไม่ยอมรับ แต่ทุกท่านต่างยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไปอย่าเข้มแข้งทั้งนี้เพราะทุกท่านถือว่าได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จากองค์พระผู้เป็นเจ้า

ค. ปฏิบัติ    
     1. “อย่าท้อแท้” เราอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการถูกปฏิเสธ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเราทำหน้าที่ของประกาศกที่ดี หรือในการทำหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมายจากวัดหรือจากองค์กรต่างๆ ซึ่งบางครั้งสภาพการณ์เหล่านี้อาจจะมาจากเพื่อนๆ คนในครอบครัว หรือสมาชิกในวัดของเราเอง สิ่งแรกที่เราควรกระทำคือนำเอาคำวิพากษ์วิจารณ์หรือคำตำหนิติเตียนมาทบทวนพิจารณาว่าเรามีความบกพร่องในด้านใดบ้างเพื่อเราจะได้ปรับปรุงแก้ไข อย่าท้อแท้หรือเลิกการกระทำดีของเรา แต่จงอดทนเหมือนเยเรมีย์ น.เปาโล และพระเยซูเจ้า

     2. “อย่าทำตามแบบชาวนาซาเร็ธ” พวกเขาปฏิเสธพระเจ้าในชีวิตของพวกเขา เราเองอาจจะปฏิเสธพระเจ้าเมื่อเราไม่ยอมรับความช่วยเหลือพระเจ้า หรือจากผู้อื่น เช่น เราไม่ยอมรับคำแนะนำ ความช่วยเหลือ การสนับสนุนจากพระเจ้า โดยผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์ ผ่านทางคำสอนของพระศาสนจักร ผ่านทางคำแนะนำและแบบอย่างของผู้อื่น

     3. “จริงใจในการเป็นศิษย์พระคริสต์” เราต้องติดตามพระคริสต์ ไม่ใช่แบบนักการเมือง นับถือพระเจ้าแค่คำพูด เราต้องไม่เป็นศิษย์เพื่อเอาหน้าเอาตา เราต้องยืนยันในสิ่งที่ถูก และแก้ไขสิ่งที่ผิดด้วยความจริงใจ พระเยซูทรงสอนให้เรารักและเคารพผู้อื่นโดยปราศจากเงื่อนไข เราต้องมีน้ำใจ รัก ซื่อสัตย์ ให้อภัย เข้มแข็ง ชัดเจน เหมือนพระเยซูเจ้าทรงเทศนาในศาลาธรรมที่เมืองนาซาเร็ธ