เรื่องที่ 10 การอบรมพัฒนาและสวัสดิการของฆราวาส
10.1 การอบรมพัฒนาของฆราวาสตามประมวลกฎหมายพระศาสนจักร
กฎหมายพระศานจักรมาตรา 231 วรรค 1 กล่าวว่า “ฆราวาสผู้อุทิศตนอย่างเป็นถาวรหรือแบบครั้งคราวในการรับใช้พระศาสนจักรอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ ต้องได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม ที่จำเป็นเพื่อปฎิบัติหน้าที่ของเขาอย่างถูกต้องและต้องปฏิบัติหน้าที่มีจิตสำนึก กระตือรือร้นและขยันขันแข็ง”
นัยแห่งกฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 231 วรรค 1 คือ
ก) ฆราวาสผู้อุทิศตนไม่ว่าแบบใดต้องได้รับการอบรมพัฒนาอย่าง เหมาะสม
ข) จุดหมายของการอบรม คือ ข.1 เพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง
ข.2 เพื่อให้เกิดจิตสำนึก กระตือรือร้นและขยันขันแข็งในการปฏิบัติหน้าที่
ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรที่เกี่ยวข้องกับการอบรมพัฒนา มีดังนี้
10.1.1 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 228 วรรค 1 กล่าวว่า “ฆราวาสที่มี คุณสมบัติเหมาะสม สามารถรับตำแหน่งและหน้าที่ฝ่ายพระศาสนจักรจากนายชุมพาบาลผู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขา ซึ่งตำแหน่งและหน้าที่ดังกล่าว เขาสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดของกฎหมาย”
10.1.2 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 217 กล่าวว่า “เนื่องจากคริสตชนได้รับเรียกโดยศีลล้างบาปให้ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับคำสอนของพระวรสาร จึงมีสิทธิ์ที่จะได้รับการศึกษาแบบคริสตชน เพื่อจะได้เรียนรู้อย่างเหมาะสมถูกต้อง เพื่อบรรลุถึงวุฒิภาวะของความเป็นบุคคล และในเวลาเดียวกัน เพื่อจะรู้และเจริญชีวิตตามรหัสธรรมแห่งความรอด”
10.1.3 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 229 วรรค 1 กล่าวว่า “ฆราวาสในพันธะ หน้าที่และสิทธิที่จะศึกษาหาความรู้ในคำสอนคริสตศาสนาตามความ สามารถและตามสภาพของตน เพื่อสามารถเจริญชีวิตสอดคล้องกับคำสอนนั้น และเพื่อสามารถประกาศ และถ้าจำเป็นก็สามารถป้องกันคำสอนนั้น ทั้งยังสามารถรับบทบาทในการแพร่ธรรมอีกด้วย”
10.1.4 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 387 กล่าวว่า “เนื่องจากพระสังฆราชสังฆ มณฑลระลึกอยู่เสมอว่า ท่านเองต้องเป็นแบบอย่างด้านความศักดิ์สิทธิ์ ความเมตตากรุณา ความสภาพถ่อมตน และการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ท่านจึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะส่งเสริมคริสตชนให้มีความศักดิ์สิทธิ์ตามกระแสเรียกของตน เนื่องจากท่านเป็นผู้แจกจ่ายรหัสธรรมของพระเป็นเจ้าอันดับแรก ท่านต้องพยายามอย่างสม่ำเสมอให้คริสตชนที่ท่านรับมอบให้ดูแลเจริญเติบโตในพระหรรษทาน โดยอาศัยการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์และพยายามให้คริสตชนเข้าใจและดำเนินชีวิตในรหัสธรรมปัสกาด้วย”
10.2 ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรเกี่ยวกับสวัสดิการของฆราวาส
กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 231 วรรค 2 กล่าวว่า “โดยยังต้องยึดถือตามกฎหมายมาตรา 230 วรรค 1 พวกเขามีสิทธิ์รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับสภาพของเขา กล่าวคือ ค่าตอบแทนนั้นยังสามารถจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับความต้องการของตนและครอบครัวอย่างสมศักดิ์ศรีโดยคำนึงถึงข้อกฎหมายบ้านเมืองด้วย เช่นเดียวกันพวกเขามีสิทธิ์รับบำเหน็จบำนาญการประกันสังคมและการช่วยเหลือด้านสุขภาพ”
นัยแห่งกฎหมายมาตรา 231 วรรค 2 คือฆราวาสผู้ทำงานให้พระศาสนจักรต้องได้รับ
ก) การอบรมพัฒนาตามกฎมาตรา 231 วรรค 1
ข) ค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่เหมาะสมและความยุติธรรมตามกฎหมายแรงงาน
ค) สวัสดิการประกันสังคมตามกฎหมายประกันสังคม
ง) บำเหน็จบำนาญ
ประมวลกฎหมายพระศาสนจักรที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการของฆราวาส มีดังนี้
10.2.1 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 22 กล่าวว่า “กฎหมายบ้านเมือง ส่วนที่ พระศาสนจักรให้ยึดถือนั้น ให้นำมาปฏิบัติในกฎหมายพระศาสนจักรพร้อมกับผลอันเดียวกัน ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับกฎพระเจ้า และเว้นไว้แต่ว่ากฎหมายพระศาสนจักรได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น”
10.2.2 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 1286 กล่าวว่า “ผู้บริหารทรัพย์สินฝ่ายโลก 1. ในการจ้างแรงงานต้องปฏิบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนตามหลักการ ที่พระศาสนจักรสั่งสอน และตามกฎหมายบ้านเมืองที่เกี่ยวกับแรงงานและวิชาสังคมด้วย 2. ต้องจ่ายค่าจ้างเป็นธรรมและสมศักดิ์ศรีแก่คนงานที่ทำงานตามที่ตกลงกัน เพื่อให้เขาสามารถจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับตนเองและคนที่ขึ้นอยู่กับเขาได้อย่างเหมาะสม”
10.2.3 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 222 วรรค 2 กล่าวว่า “คริสตชนทีหน้าที่ส่งเสริมความเป็นธรรมทางสังคมโดยสำนึกถึงคำสั่งสอนของพระคริสต์ มีหน้าที่ช่วยเหลือคนยากจนจากทรัพย์สินของตนด้วย”
10.2.4 กฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 281 วรรค 1 กล่าวว่า “เมื่อสมณะได้อุทิศตนเพื่องานของพระศาสนจักร เขาก็สามารถได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับสถานภาพของเขา โดยพิจารณาทั้งในด้านหน้าที่การงานและสภาพของสถานที่และเวลา ค่าตอบนี้ควรเพียงพอสำหรับจ่ายเพื่อความจำเป็นของชีวิตตนเอง และเป็นค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่บุคคลที่รับใช้เขา”
10.3 คำสอนของสังคายนาวาติกันที่ 2 เกี่ยวกับการอบรมพัฒนาและสวัสดิการของฆราวาส
10.3.1 พระสมณกฤษฎีกาว่าด้วยการแพร่ธรรมของฆราวาส (APOSTOLICAM ACTUOSITATEM) ข้อ 24 กล่าวว่า “ผู้อภิบาลสัตบุรุษควรต้อนรับฆราวาสเหล่านี้ด้วยความยินดีและรู้คุณ ควรจะเอาใจใส่ให้เขามีความเป็นอยู่ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ตามที่ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมและความรักจะเรียกร้อง เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยอันจำเป็นแก่การครองชีพของเขาและครอบครัว และยังควรจัดให้ฆราวาสเหล่านี้ได้รับการอบรม ความช่วยเหลือและเครื่องบำรุงในทางวิญญาณที่จำเป็นด้วย”